เคยไหม ? เวลาที่คุณนั่งทำงานแล้ว หลังค่อม หรือ ขาลอยจากพื้น ทำให้เกิดอาการชาที่ขาและปวดหลังอยู่บ่อยๆ นั้นเป็นเพราะว่า เก้าอี้สำนักงานทุกตัว อาจจะไม่พอดีสำหรับตัวคุณเสมอไป การเลือกเก้าอี้ทำงานสิ่งแรกที่ควรพิจารณาก่อนคือ “สรีระร่างกาย” ของผู้ใช้ ควรปรับให้มีความเหมาะสมตามแต่ละบุคคลโดยดูจาก ส่วนสูง หรือ น้ำหนัก เพื่อป้องกันปัญหาจากการนั่งที่ผิด แล้ว วิธีเลือกเก้าอี้สำนักงาน ที่เหมาะกับตัวเราเลือกอย่างไร ?

เราจะแบ่งเก้าอี้สำนักงาน และ เก้าอี้ผู้บริหาร เป็น 3 แบบ ตาม น้ำหนัก และ ส่วนสูง ของผู้ใช้ ดังนี้

1.เก้าอี้สำนักงาน Size S

เป็น เก้าอี้สำนักงาน ที่มีขนาดเล็ก เหมาะสำหรับคนที่ สูงตั้งแต่ 125 – 158 cm น้ำหนักประมาณ 40 – 58kg เหมาะสำหรับคนที่มีรูปร่างเล็ก จะสามารถนั่งแล้ว เท้าทั้งสองข้างเหยียบพื้นได้พอดีหลังติดพนักพิง นั่งแล้วขาไม่ลอย ทำให้ไม่เกิดอาการชาและปวดหลัง ไม่ควรเลือกเก้าอี้ที่ใหญ่จนเกินไป หลายคนอาจจะคิดว่า การนั่งเก้าอี้ที่ตัวใหญ่ ดูนุ่ม จะนั่งสบาย คุณกำลังคิดผิด เพราะหากคุณเป็นคนรูปร่างเล็กแล้วเลือกใช้เก้าอี้ที่ตัวใหญ่ จะทำให้ ขาลอย องศาในการวางแขนของที่วางแขนผิด หลังไม่ติดพนักพิง ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของเก้าอี้ลดลง

2.เก้าอี้สำนักงาน Size M

เป็นเก้าอี้สำนักงานที่มีขนาดกลาง เหมาะสำหรับคนที่ สูงประมาณ 158 – 173 cm น้ำหนัก ประมาณ 158 – 173 cm เหมาะสำหรับคนที่มีรูปร่างไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป สำหรับบุคคลรูปร่างขนาดปกติ อาจจะทำให้เลือกเก้าอี้ยากขึ้น เพราะ ตัวคุณเองอาจไม่แน่ใจว่า เก้าอี้ที่เลือกไปนั้นพอดีกับตัวคุณหรือไม่ เรามีวิธีการเลือกง่ายๆโดยให้สังเกตุจาก ความกว้างและความสูงของพนักพิง โดยเทียบกับความกว้างของไหล่คุณ ว่าไม่เล็กและใหญ่จนเกินไป สามารถพิงหลังได้พอดี โดยที่เท้าทั้งสองข้างเหยียบพื้นได้พอดี

3.เก้าอี้สำนักงาน และ เก้าอี้ผู้บริหาร Size L

เก้าอี้สำนักงาน และ เก้าอี้ผู้บริหารที่มีขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับคนที่สูงตั้งแต่ 173 – 192 cm น้ำหนักประมาณ 80 – 120+ kg. เหมาะสำหรับคนที่รูปร่างสูงใหญ่ จะสามารถนั่งแล้ว เท้าทั้งสองข้างเหยียบถึงพื้นได้พอดี และ รองรับน้ำหนักได้ดีกว่าเก้าอี้ขนาดเล็กๆ มีพื้นที่ที่ไม่แคบจนเกินไปสามารถขยับตัวได้แบบสบาย

เพราะ เราเข้าใจสรีระคนเอเชีย ทั้งเรื่องของขนาด และ การใช้งาน เรามีเก้าอี้ทุกขนาด เราได้มีการทดสอบ และ ปรับแต่งเพื่อให้เข้ากับสรีระคนเอเชีย มากที่สุดสำหรับคนทุกรูปร่าง มีหลายหลายรูปแบบตามการใช้งาน

ทุกวันนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่ช่วยเราออกกำลังได้ง่ายขึ้น แต่การที่จะใช้อุปกรณ์เหล่านั้นให้ได้ผลดีที่สุดนั่นดูเป็นเรื่องที่น่าปวดหัว เว้นเสียแต่จะมีเทรนเนอร์มายืนคุม หรือคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญการออกกำลังเสียเอง โดยเฉพาะเครื่องออกกำลังกายยอดนิยมอย่างลู่วิ่ง ที่หลายคนใช้เพื่อให้วิ่งเร็วอย่างเดียว การใช้ลู่วิ่งให้ได้ผล ควรมีเทคนิคและวิธีการปรับให้เหมาะสม จะทำให้การออกกำลังกายครั้งนั้นได้ประสิทธิภาพมากที่สุด สมัยนี้ใครไม่ออกกำลังกายถือว่าเชยสุดๆนะคะ สาวๆหนุ่มๆส่วนมากมักใช้เวลาในช่วงเย็นหลังเลิกงานหรือในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เข้าฟิตเนสเพื่อออกกำลังกาย เครื่องออกกำลังกายที่คนส่วนมากนิยมก็คงจะไม่พ้น ลู่วิ่งไฟฟ้า

ลู่วิ่ง

ลู่วิ่งไฟฟ้า เป็นการจำลองการวิ่ง ซึ่งสามารถจะปรับระดับความลาดชันได้ ทำให้การวิ่งบนทางลาดชันบน ลู่วิ่ง นั้นง่ายกว่าการวิ่งลงเนินนอกบ้าน ซึ่งจะมีความลาดชันที่ไม่สม่ำเสมออีก รวมทั้งปรับระดับความเร็วของลู่วิ่งได้อีกด้วย ข้อดีของการวิ่งบนลู่วิ่งจะช่วยถนอมข้อเท้า เมื่อเทียบกับการวิ่งตามถนนทั่วไป และการวิ่งบนลู่วิ่งก็ยังปลอดภัยจากสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ทั้ง รถ ต้นไม้ สัตว์ หรือ คน เป็นต้น

เทคนิคการเลือกซื้อ ลู่วิ่งไฟฟ้า

1. ตัวแทนจำหน่าย เพื่อสร้างความมั่นใจว่าหากคุณซื้อเครื่องวิ่งไปแล้วจะมีคนคอยบริการคุณหลังการขายแน่นอน ไม่ใช่ขายเสร็จก็จบกันไปเลย เมื่อเครื่องเสียต้องซ้อมคุณอาจจะอยากโยนเครื่องทิ้งเลยก็ได้ การที่เราเลือกซื้อลู่วิ่งไฟฟ้ากับตัวแทนจำหน่ายหรือบริษัทที่น่าเชื่อถือ ทำให้คุณอุ่นใจได้ รวมทั้งบริษัทเหล่านี้มักจะมีการรับประกันที่ยาวนานกว่ายี่ห้อทั่วไปอีกด้วยนะคะ
2. ขนาดของเครื่องวิ่ง เนื่องจากลู่วิ่งไฟฟ้านั้นมีขนาดใหญ่ จึงจำเป็นจะต้องเตรียมพื้นที่ไว้สำหรับวางเครื่อง คุณจึงควรพิจารณาเครื่องวิ่งที่มีขนาดพอเหมาะกับบ้านหรือห้องของคุณ ถ้าซื้อใหญ่เกินไปก็อาจไม่มีที่วางได้คะ
3. ส่วนประกอบของเครื่องวิ่งไฟฟ้า เช่น
-ขนาดสายพาน คือ ขนาดของพื้นที่สำหรับการวิ่ง เป็นส่วนที่เท้าของคุรสัมผัสพื้นยิ่งขนาดของสายพานยิ่งกว้างเท่าไหร่ คุณก็จะรู้สึกสบาย เป็นอิสระในขณะวิ่ง แต่ยิ่งมีขนาดสายพานกว้างมากเท่าไหร่ราคาก็จะขยับสูงขึ้นตามไป ดังนั้นวิธีการเลือกแบบฉลาดๆคือ เลือกขนาดสายพานลู่วิ่งไม่ต่ำกว่า 40 ซม. ส่วนความยาวนั้น อาจจะต้องพิจารณาถึงสรีระของช่วงขาว่าสั้น-ยาว เพียงใด หากคุณเป็นคนที่มีความสูงเกินกว่า 180 ซม. ควรเลือกลู่วิ่งที่มีความยาวไม่น้อยกว่า 135 ซม และหากคุณมีความสูงทั่วๆ ไป ก็เลือกลู่วิ่งที่มีความยาวไม่ต่ำกว่า 120 ซม เป็นต้น
– ขนาดของลู่กลิ้ง ลู่วิ่งไฟฟ้าจะมีลูกกลิ้งอยู่บริเวรด้านหน้าและด้านหลังของสายพาน ลูกกลิ้งที่มีขนาดเล็กหรอืน้อยกว่า 2.5 นิ้ว จะทำให้สายพานหมุนเร็ว เมื่อเทียบกับลูกกลิ้งที่มีขนาดใหญ่กว่า ส่งผลให้เครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ลูกปืนเสียหายเร็วขึ้น คุณก็ต้องจ่ายเงินซ่อมเร็วขึ้นด้วยคะ
– มอเตอร์ การพิจารณาที่มอเตอร์นี้อาจจะต้องย้อนกลับไปดูความต้องการในการซื้อลู่วิ่งไฟฟ้า ว่าคุณต้องการเพียงใช้เดิน หรือ ต้องการวิ่ง หากต้องการวิ่ง มอเตอร์ควรจะมีความแรงมากกว่า 2.5 แรงม้า สิ่งที่คุณควรจะทราบก็คือยิ่งมอเตอร์มีความแรงมากเท่าไหร่ยิ่งทำให้เกิดสิ่งรบกวบมาขึ้นเท่านั้น แต่เครื่องรุ่นใหม่ก็สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องเสียงให้เบาลงได้บ้างแล้วนะคะ
4. การรองรับน้ำหนัก เราจึงควรเลือกลู่วิ่งที่สามารถรับน้ำหนักเราได้หรือน้ำหนักของสมาชิกที่จะวิ่งได้ เพราะถ้าเลือกที่รองรับน้ำหนักได้น้อยอาจทำให้ลู่วิ่งหักขณะวิ่งได้คะ
5. ฟังก์ชันต่างๆ ลู่วิ่งไฟฟ้าในปัจจุบันนี้ได้รับการออกแบบเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่ชอบออกกำลังให้มากที่สุด จึงมีฟังก์ชันมากมายที่อัดไว้ในเครื่อง เช่น การปรับระดับความลาดชัน ระดับความเร็ว โปรแกรมวิ่งอัตโนมัติ ระบบลดแรงกระแทกขณะวิ่ง การแสดงผลต่างๆผ่านหน้าจอ ระบบรักษาความปลอดภัย เป็นต้น

ความอ้วน การมีน้ำหนักเกินเพิ่มโอกาสการเกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวานและโรคอื่นๆ อีกมากมาย การลดน้ำหนักอย่างถูกต้องนั้น สามารถลดโอกาสการเกิดโรคต่างๆ ได้ แต่มีหลายคนที่ลดความอ้วนอย่างผิดวิธี โดยการใช้ยาลดความอ้วน อาหารเม็ดพวกนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยลดความอ้วน ยังช่วยเพิ่มโอกาสการเกิดโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง แถมทำให้เกิดการเสพติดยา ทำให้ระบบการเผาผลาญของคุณเสีย การลดน้ำหนักนั้นไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเงินไป คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องใช้ยา ไม่เปลืองเงินในกระเป๋าของคุณด้วย คำแนะนำวิธีลดน้ำหนักโดยไม่ต้องใช้ยา 1. ลดแคลอรี่ ประมาณ 500 แคลอรี่ทุกวัน คุณสามารถลดน้ำหนักได้ประมาณ 1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ มันอาจจะช้ากว่ากินยาลดความอ้วน แต่มันเป็นทางที่ปลอดภัยและเป็นธรรมชาติ

มีหลายคนไม่รู้จะวัดแคลอรี่ยังไง กลัวจะยุ่งยาก ถ้าขี้เกียจวัดไม่มีเครื่องมือวัดให้คุณทำแบบนี้ ลองสักเกตุดูว่าปกติคุณกินอาหารเท่านี้น้ำหนักคุณเพิ่ม ลด หรือคงที่ ถ้าน้ำหนักเพิ่มหรือคงที่ ให้คุณตัดแคลอรี่จากข้าว ออกไปครึ่งจานของปกติที่คุณเคยกิน 2. เผาผลาญแคลอรี่มากกว่าที่คุณกิน โดยการเพิ่มการออกกำลังกายเข้าไปในชีวิตประจำวัน ทางเลือกในการออกกำลังกายก็ขึ้นอยู่กับ ความชอบของคุณ น้ำหนักตัว สภาพรอบตัว ถ้าคุณเป็นคนอ้วนมากกว่า 100 กิโลกรัม การวิ่งก็คงไม่เหมาะกับคุณ เพียงแค่เดินเล่นง่ายๆ ตามหมู่บ้านสวนสาธารณะก็น่าจะเพียงพอที่จะเผาผลาญแคลอรี่มากกว่าที่กิน 3. กินให้หลากหลาย กินอาหารให้หลากหลาย

สิวอักเสบถือว่าเป็นสิวที่สร้างความสำคัญใจได้มากทีเดียว เนื่องจากที่มีอาการเจ็บที่สิวแล้ว สิวยังมีเม็ดที่แดงใหญ่อีกด้วย และหากเป็นสาวๆที่ต้องแต่งหน้าเป็นประจำนั้นก็ต้องใช้เครื่องสำอางในการปกปิดมากทีเดียว และการใช้เครื่องสำอางนั้นก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว และอาจจะทำให้สิวนั้นหายช้ายังกว่าเดิมก็เป็นได้ และหากไม่รักษาหรือว่าดูแลผิวหน้านั้นอาจจะยิ่งทำให้เป็นสิวมากกว่าเดิม จนกลายเป็นสิวเรื้อรังก็เป็นได้ แต่วันนี้หนุ่มๆสาวๆทั้งหลายที่ประสบปัญหาการเป็นสิวอยู่นั้นไม่ต้องตกใจไปเพราะว่าวันนี้เรามีเคล็ดลับดีๆมากฝากสาวๆทั้งหลายที่ชอบในการดูแลตัวเองเป็นทุนเดิม และชอบในการประหยัดและปลอดภัยจากสารเคมีต่างๆ นั้นมารักษาสิวอักเสบด้วยข้าวโอ๊ตกันดีกว่า ขั้นตอนการทำนั้นง่ายมาก เริ่มจากการนำข้าวโอ๊ตประมาณ 1 กำมือ ผสมกับน้ำดื่มจนนิ่มแบบนิ่มมากเลย ล้างหน้าให้สะอาดเช็ดหน้าให้แห้ง แล้วนำเอาข้าวโอ๊ตนั้นมาขัดวนเบาๆ เน้นเบามือให้มากที่สุดประมาณ 5 นาทีพอ เพื่อจะได้ไม่ระคายเคืองผิวและทำให้ก่อกวนสิวเพิ่มและพอกทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่าให้สะอาดสูตรนี้ทำเช้าเย็น เมื่อทำต่อเนื่องเป็นประจำสิวอักเสบนั้นก็จะค่อยๆยุบและหายไปเนื่องจากข้าวโอ๊ต ข้าวโอ๊ตก็จะช่วยดูดซับไขมันพร้อมกับแบคทีเรียสาเหตุของการเกิดสิว และช่วยในการป้องกันสิวและสมานแผลได้เป็นอย่างดี แถมช่วยผลัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้กลับมาอ่อนเยาว์ เปล่งปลั่ง และเนียนนุ่มกลับมามาสวยใสอย่างเป็นธรรมชาติจนใครๆก็ต้องอิจฉา

สาวๆ หลายท่านคงเคยมีปัญหากับการใส่ต่างหูแล้วเกิดอาการคัน บางคนเกาจะเป็นแผล มีน้ำหนอง บางคนไม่สามารถใส่นาฬิกาที่เป็นสายหนังได้ เมื่อใส่แล้วมีผื่นแดง คัน ขึ้นบริเวณข้อมือ อาการคันในลักษณะนี้ไม่ใช่อาการคันโดยทั่วไปแล้นะคะ ปัญหาเหล่านี้อาจแสดงถึง โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ที่เกิดขึ้นกับผิวหนังของเรา อาการแพ้ชนิดนี้ถึงแม้จะไม่ใช่โรคที่อันตราย แต่เป็นโรคที่น่ารำคาญไม่น้อยเลยนะคะ สาวๆ หลายท่านคงเคยมีปัญหากับการใส่ต่างหูแล้วเกิดอาการคัน บางคนเกาจะเป็นแผล มีน้ำหนอง บางคนไม่สามารถใส่นาฬิกาที่เป็นสายหนังได้ เมื่อใส่แล้วมีผื่นแดง คัน ขึ้นบริเวณข้อมือ อาการคันในลักษณะนี้ไม่ใช่อาการคันโดยทั่วไปแล้นะคะ ปัญหาเหล่านี้อาจแสดงถึง โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ที่เกิดขึ้นกับผิวหนังของเรา

อาการแพ้ชนิดนี้ถึงแม้จะไม่ใช่โรคที่อันตราย แต่เป็นโรคที่น่ารำคาญไม่น้อยเลยนะคะ ภูมิแพ้ผิวหนัง ภูมิแพ้ผิวหนัง โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง รักษาอย่างไรดี skin allergies โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Allergic Skin Disease) เป็นโรคที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ เพราะเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ตอบสนองกับสิ่งเร้าไวกว่าปกติ

อาการโดยทั่วไป คือ อาการผิวแห้ง คันได้ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า มืผื่นแดง บริเวณพบบ่อยคือ ข้อพับแขน ขา และคอ อาการจะรุนแรงมากขึ้นเมื่อเวลามีเหงื่อออก หากเกิดอาการเรื้อรัง ผิวหนังจะเป็นรอยคล้ำ และหนา อาการคันที่เกิดขึ้นอยู่ประจำ อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ